พลิกปูมแผ่นดินไทย

โดย นันทวรรณ (เหมินทร์) ภู่สว่าง

Sanparith Marukatat

--

มีคนตั้งถิ่นฐานในภูมิภาคนึ้ตั้งแต่ต้นประวัติศาสตร์

ราวคริสต์ศตวรรษที่ 2 เป็นต้นมา เริ่มมีเมืองใหญ่เกิดขึ้น ไม่ต่ำกว่า 10 เมือง เมืองที่สำคัญสุดคือ ฟูนัน ซึ่งไม่ทราบที่ตั้งชัดเจน แต่อยู่บนเส้นทางเชื่อมทะเลจีนใต้-ช่องแคบมะละกา-อินเดีย มีอำนาจเหนือลุ่มน้ำโขง เจ้าพระยา แหลมมลายู ชายฝั่งเวียดนาม

ฟูนัน เสื่อมอำนาจในคริสต์ศตวรรษที่ 6 ผลจากการรุกรานของพวก เจนละ

กษัตริย์ที่สำคัญของ เจนละ คือพระเจ้าจิตรเสน ที่น่าจะมาจากแถวลุ่มแม่น้ำมูล พงศาวดารจีนบอกว่าเจนละน่าจะอยู่ตอนใต้ของลาวและตอนเหนือกัมพูชา เจนละแตกเป็นสองส่วนในคริสต์ศตวรรษที่ 8 ส่วนเจนละล่างจะพัฒนาต่อไปเป็นอาณาจักรกัมพูชา

ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 7–12 ยังมีการเปลี่ยนแปลงของเมืองอื่น ๆ อีกหลายแห่ง โดยมีเมืองที่สำคัญอีกแห่งคือ ทวารวดี ที่น่าจะอยู่ในที่ลุ่มเจ้าพระยา โดยมีการขยายตัวทางบกไปถึงลาวทางเหนือ, กัมพูชาทางตะวันออก และพม่าทางตะวันตก ในยุคนี้มีการติดต่อทางบกจากแม่น้ำโขงตอนบนไปยังอ่าวไทยจนถึงแหลมมลายูอีกด้วย

เมื่อเจนละเสื่อมลง ขอมขยายอิทธิพลมาทางตะวันตก นั่นคือทางภาคอิสาน จนปรากฎวัฒนธรรมผสม ทวารวดี-ขอม

คริสต์ศตวรรษที่ 10–11 กัมพูชาขยายอิทธิพลมาทางตะวันตกเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงเมืองละโว้ เพื่อสร้างเครือข่ายการค้าทางบก และเปิดเส้นทางการค้าไปยังแหลมมลายู

ตอนบนคาบสมุทรมลายูมีร่องรอยชุมชนตั้งแต่โบราณ โดยเฉพาะเมืองท่าต่าง ๆ เช่นเมืองตะกั่วป่า หรือ Takola ในบันทึกของปโตเลมี ในเขตนี้ยังมีเส้นทางขนส่งทางบกที่ย่นเวลาแทนการเดินเรือผ่านคาบสมุทร มีหลายเส้นทางเช่น คอคอดกระ-ไชยา หรือไทรบุรี-สงขลา เป็นต้น

อาณาจักรศรีวิชัย ก้าวขึ้นมามีอำนาจในแหลมมลายูในปลายคริสต์ศตวรรษที่ 7 มีเมืองสำคัญคือไชยา นครศรีธรรมราช (ตมพรลิงค์) ปาเลมบังบนเกาะสุมาตรา และตอนกลางเกาะชวา จนปลายคริสต์ศตวรรษที่ 11 อำนาจจองศรีวิชัยเริ่มอ่อนลงจากการรุกรานของพวกโจฬะ จากชายฝั่งอินเดียใต้ ทำให้เส้นทางการค้าขยับขึ้นมาทางตอนบนของคาบสมุทร ในช่วงนี้มีหลักฐานการติดต่อระหว่างกัมพูชาและโจฬะ คาดว่าทั้งสองฝ่ายไม่ต้องการให้ศรีวิชัยมีอำนาจคุมเส้นทางค้าผ่านคาบสมุทรแถวนครศรีธรรมราช

ในช่วงเดียวกันนี้อาณาจักรพุกามก็เริ่มแผ่อำนาจลงใต้มาทางคอคอดกระเช่นกัน เพราะการค้าทางเหนือติดปัญหาระหว่างน่านเจ้าและจีน ส่วนชายฝั่งหงสาวดีก็ถูกพวกโจฬะรุกราน พุกามจับมือกับลังกายึดมะริดและสถาปนาอำนาจตนเหนือคอคอดกระ พวกโจฬะตอบโต้โดยการเข้าโจมตีตะกั่วป่า จนต้องมีการย้ายศูนย์กลางการค้าไปไทรบุรี เมืองท่าแถวคอคอดกระกลายเป็นศูนย์กระจายสินค้าไปพื้นทวีปแทนการขนย้ายสินค้าข้ามคาบสมุทร

การเข้ามาของพุกามและโจฬะทำให้อำนาจของศรีวิชัยลดลงจากนครศรีธรรมราช นอกจากนี้เจ้าชายเมืองนครศรีธรรมราชคือชัยวีระวรมัน ก็เกี่ยวกันกับกัมพูชา ดังนั้นเมืองนี้แต่เดิมก็เป็นเวทีความขัดแย้งกัมพูชา/ศรีวิชัย อยู่แล้ว ในครึ่งหลังของคริสต์ศตวรรษที่ 11 นครศรีธรรมราชพยายามแยกตัวเป็นอิสระ ดูจากการส่งบรรณาการไปจีนโดยตรง ไม่ผ่านศรีวิชัย

เมื่อพุกามขยายอำนาจลงมาคาบสมุทรมลายู เป็นช่วงที่กัมพูชาเองมีสงครามกับพวก ไดเวียต (เวียดนาม) และ พวกจาม (จามปา) จนไม่ได้สนใจการค้าในแถบนี้

สัมพันธไมตรีระหว่างพุกามกับลังกา ยังส่งผลมาถึงนครศรีธรรมราชด้วยดูได้จากการเข้ามาของพุทธศาสนาเถรวาทจากลังกา

คริสต์ศตวรรษที่ 12 พุกามเริ่มมีการขัดขวางการค้าขายระหว่างลังกาและกัมพูชา ทำให้พวกสิงหลจากลังกาโจมตีตอนใต้ของอาณาจักรพุกาม ทำให้พุกามต้องยอมยกประโยชน์ทางการค้าแก่สิงหล รวมทั้งเปิดเส้นทางไปกัมพูชาตลอดคริสต์ศตวรรษที่ 12

เมื่ออำนาจของอาณาจักรศรีวิชัยและกัมพูชาในตอนเหนือของคาบสมุทรมลายูลดลงลงและพุกามยอมเปิดเส้นทางค้าส่งผลให้นครศรีธรรมราชกลายเป็นเมืองท่าที่เป็นกลาง ใครก็สามารถติดต่อได้โดยตรงโดยเฉพาะจีน โดยก่อนนี้จีนไม่รู้จักดินแดนตอนในของคอคอดเลย การขยายตัวทางการค้าของจีนทำให้เกิดเส้นทางค้าใหม่จากกุยบุรีไปมะริดและตะนาวศรี ทำให้เมืองเพชรบุรีที่ก้าวขึ้นมามีความสำคัญแข่งกับนครศรีธรรมราช

ความเจริญของเพชรบุรีนำไปสู่พัฒนาการด้านเศรษฐกิจในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาจนทำให้อโยธยา (อยุธยา) ซึ่งก็มีความสัมพันธ์กับละโว้มายาวนานกลายมาเป็นศูนย์กลางทั้งด้านการค้า คมนาคม วิทยาการต่าง ๆ และศาสน จนมาแทนที่สุโขทัย-ล้านนา ที่เสื่อมอำนาจลงในตอนกลางคริสต์ศตวรรษที่ 14

คนเขียนไม่ได้เล่ารายละเอียดฝั่งล้านนา-สุโขทัย เท่าไร เหมือนคิดว่าเราคงรู้อยู่แล้ว สงสัยต้องไปหาอ่านเพิ่มเองแระ

--

--

No responses yet